วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ประวัติก่อนหน้านี้

     ผมเป็นคนจังหวัดพิษณุโลก มีพี่น้องสามคนผมเป็นคนสุดท้องพ่อแม่มีอาชีพค้าขาย ตั้งแต่แรกเกิด แม่ผมได้จ้างคนมาดูแลผมและพี่ๆ เพราะเนื่องจากต้องทำงาน และไม่ค่อยมีเวลาแม่ผมมีอาชีพขายผัก โดยจะเอารถไปซื้อผักมาจากสวน โดยพ่อผมจะเป็นคนไปซื้อบ้างและให้ลูกน้องไปซื้อบ้าง แต่ถ้าเป็นที่ใหม่ๆพ่อผมจะเข้าไปติดต่อก่อนทุกครั้ง พ่อแม่ผมถือว่าเป็นคนดังใจจังหวัดและแวดวงการค้าในยุคนั้น ไปทีไหนก็จะมีแต่คนมาทักทาย ผมจึงชินกับสภาพความเป็นอยู่แบบนั้น ในระหว่างที่พ่อกับแม่ผมทำงานนหนัก ผมเองก็ได้อยู่บ้านกับพี่สาวอีก 2 คนโดยมีคนดูแลซึ่ง เป็นสามีภรยากัน พวกเราสามคนพี่น้อง รักพวกเค้าเหมือนพ่อแม่เราจริงๆ

เค้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล โดยตั้งแต่เด็กๆทุกความทรงจำของผมต้องมีพวกเค้าเข้ามาเป็นส่วนในเหตุการณ์นั้นทุกครั้ง ชีวิตพวกเราดำเนินมาอย่างมีความสุข จนกระทั้ง ผมอายุประมาณ 2 ขวบ ที่จำได้เพราะว่า ตอนนั้นผมยังไมได้เข้าโรงเรียน พ่อกับแม่ผมเค้าทะเลาะกันและแยกทางกัน และนั่นเองจึงเป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวเราต้องแตกแยกกัน เวลาผ่านไปอีกไม่นาน แม่ผมก็เจอปัญหาทางด้านการเงิน หรือจะเรียกอีกอย่างว่า หมดตัวก็ได้ จากคนที่เคยชีนกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ ก็ไม่มีคนสนใจเลย เพื่อนฝูงที่เคยสนิทกัน ก็หายหมดแม่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นไปหาเพื่อน ซึ่งจริงๆแล้วแค่จะไปคุยให้หายเครียส แต่เพื่อนแม่คนนั้นกลับ แกล้งล้มตัวนอนแล้วบอกให้ลูกน้องออกมาบอกแม่ผมว่า เจ้เค้านอนอยู่ มีอะไรให้ฝากบอกไว้ ทั้งๆที่แม่ผมเห็นเค้ารีบล้มตัวไปนอนตอนหันมาเจอรถแม่ผม ผมโตมากับเรื่องพวกนี้ เรื่องความเห็นแก่ตัว เหตุการณ์ก็ดำเนินไปแต่ไปด้วยไม่ดีนัก และแม่ผมก็โดนยึดรถ ยึดบ้าน คนที่แม่จ้างมาดูแลผมเค้าก็ไม่ไปไหนยังอยูดูแลผมทั้งๆที่ไมได้เงินเดือนจากแม่ผมแล้วเค้าก็เอาเงินเค้าเองมาดูแลผม แต่ด้วยที่ไม่มีบ้านแล้วเค้าจึงจำเป็นต้องไปอยู่เชียงใหม่ และพี่สาวผมคนโตก็ตามไปอยู่เชียงใหม่ด้วย ตอนนั้นผมเรียนอยู่ ป 1 ผมยังจำความรู้สึกนั้นได้ดี ส่วนพ่อผมเค้าไปมีเมียใหม่ซึ่งก็คือ ลูกน้องมือขวาของแม่ผมนั่นเอง แต่พ่อผมเค้าก็ไม่เคยทอดทิ้งเค้าส่งพี่สาวคนโตเรียนต่อที่เชียงใหม่ จากเหตุการอันเลวร้ายที่เกิดกับแผม สุดท้ายก็เหลือรถ 10 อยู่ 1 คัน แม่ผมจึงตัดสินใจเอารถไปดัดแปลงเพื่อไปทำรถบรรทุกปูน และแม่ผมก็ไปขับรถเอง หว่างนั้นผมได้ไปอยู่กับ ญาติคนนึง ซึ่งเค้าไม่ได้อยากให้ผมไปอยู่ด้วย ผมอยู่กับพี่สาวคนกลาง เค้าจะเป็นดูแลผมมาตั้งแต่เด็ก เราอยู่กันอย่างอึดอัดมา 2 ปีเด็ก 2 คนต้องนอนหมอน1 ชิ้น เสื่อเล็กๆ 1 ชิ้น ผ้าหม่ผืนเล้กๆ 1 ชิ้น จนกระทั่ง พ่อผมมารับผมไปอยู่ด้วยชีวิตผมและพี่สาวก็เริ่มดีขึ้นเพราะพ่อผมค่อนข้างมีฐานะในตอนนั้น โดยระหว่างนั้นแม่ผมก็นานๆ จะกลับมาบ้านครั้งนึง พี่สาวคนโตจะกลับมาบ้านเดือนละ 1 ครั้งพร้อมๆกับ คนดูแลผม หรือพ่อแม่คนที่ 2 ของผม ชีวิตเรามีความสุขพอสมควรจนกระทั่ง พ่อผมเลิกกะเมียใหม่ ตอนนั้นผมอยู่ ป 5 ชีวิตเริ่มกลับมาลำบากอีกครั้ง พ่อผมต้องไปรับจ้างขับรถที่จังหวัด ตราด นานหลายเดือนกว่าจะกลับมาบ้าน แม่ผมก็ไม่ค่อยกลับมา ผมจะอยู่กะพี่สาว 2 คนโดยมีรายได้เดือนละ 4,000 บาทจากค่าเช่าล๊อกที่แม่ผมให้เค้าเช่า และไม่นาน คนที่เลี้ยงผมมาตอนเด็กๆ เค้าเสียชีวิต เราอยู่แบบนั้นมา 1 ปีตนกระทั้งพ่อผมรถชน แม่ผมจึงหยุดขับรถ และมาดูแลผมแทน โดยให้ลูกน้องที่เคยอบู่กับแม่ผมมาขับรถแทนพ่อผม และรถ 10 ล้อแม่ผมก็ขายไปเพื่อเอางเนิมาทำทุน อ่อ ลืมบอกไป ช่วงที่แม่ผมหมดตัว ยังเหมือนแม่อีก 3 คน ที่ชีวิตนี้ ผมและครอบครัวของผมจะไม่มีวันลือเค้าเลย

1 ลุงย้อย เค้าเป็นเพื่อนแม่ มาตั้งแต่หนุ่ม ก่อนเจอพ่อผมอีก

2 น้าสมใจ เค้าเป็นเพื่อนแม่ค้าด้วยกัน


น้าสมใจเป็นคนที่แม่ผมเคยช่วยเหลือเค้าไว้ตอนเค้ลำบาก เค้าเคยหมดตัวมาก่อน แม่ผมให้เค้าเอารถไป 1 คัน และคนขับ 1 คนโดยเลือกเอาตามใจได้เลยจะเอาคันไหนก็ได้ เค้าก็เลยกลายเป็นเพื่อนแท้ของแม่ผม ไม่ว่าแม่ผมจะเป็นยังไงเค้าไม่เคยทิ้งหรือดูถูกมแม่ผม แถมยังช่วยเหลือเรื่องคนทอง ผมเคยได้ยินเค้าพูดกับแม่ผมว่าถ้าวันนั้นนู๋ไม่ได้เจ้ช่วย วันนี้นู๋จะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ (ตอนี้น้าสมใจเค้ารวยมาก)เค้าให้เงินแม่ผมมาซ่อมรถ และอะไรอีกหลายๆอย่าง

ลุงย้อย เป็นที่ผมไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริงในโลกใบนี้ ลุงย้อยเป็นเพื่อนที่ช่วยเหลือเพื่อนหรือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ลุงย้อยเป็นคนดีมาก ลุงย้อยไมได้รวยเงินทองแต่แกรวยน้ำใจ และเพื่อนมากมาย ใครๆก็ต้องเกรงใจแก แกช่วยเหลือคนอื่นจนวันสุดท้ายที่แกจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่วันนี้ลุงย้อยได้จากโลกนี้ไปแล้ว

กลับมาเรื่องผมต่อแม่ผมขายรถ 10 ล้อ และมาทำอย่างอื่นแทน และผมเองก็ช่วนพ่อขับรถตอนอยู่ ม2 ผมไม่เคยได้ไปเที่ยวช่วงปิดเทอม ไม่เคยไปเรียนกวดวิชา ในความคิดผมตอนนั้น คิดแค่จะหาเงิน พ่อและแม่จะได้ไม่ลำบาก ชีวิตเราอยู่แบบนั้นจนกระทั่ง ผมจบ ม 3 ผมจึงตัดสินใจเรียน เทคนิค ปวช ช่างอิเล็คทรอนิค

จากนั้นไม่นาน แม่ผมเริ่มขายหวยใต้ดิน ทางบ้านเราจึงมีฐานะดีขึ้น จากนั้นเพื่อนๆของแร่มกลับมาอีกครั้ง แต่ในใจผมไม่เคยคิดว่าใรจะมาจริงใจกับเรา เพราะสิ่งที่ผมได้เจอมาตั้งแต่เด็กๆมันสอนผมไว้แบบนั้น

เวลาผ่านมาอีก 2 ปี พ่อผมเกิดอุบัติเหตุอีก คราวนี้ขับรถไมได้หลายเดือน จึงตัดสิ้นใจเลิกอาชีพนั้น

ทางบ้านก็เลยมุ่งหน้าทางด้านหวย และฐานนะก็ดีขึ้นเลยๆ ซื้อรถ ซื้อบ้าน และผ่านมาระยะนึง ทุกอย่างก็หายไปอีก ด้วยเพราะที่ว่าทางการปราบปรามหวยอย่างหนัก เราจึงเลิก และหันมาทำงานถูกกฏหมาย

ซึ่งเป็นช่วงที่ผเรียนจบพอดี ผมจึงตัดสินใจมาทำงาน กทม ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ผมไม่เคยคิดจะมาทำงาน

ผมคิดที่จะทำธุระกิจด้วยตัวเอง แต่ด้วยเหตการตอนนั้น จึงต้องตัดสินใจแบบนี้

ทุกวันนี้ในหัวของผมมันคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าจะยังไงให้รวยเพื่อพ่อแม่จะได้ไม่ลำบากอีก ผมคิดทุกอย่างและทำมาหลายอย่าง เท่าที่คน 1 คนจะทำได้แต่ก็ไม่รวยสักที ทั้งขายขนม ขายวุ้น ขายไม้ตียุง ไปขายตามตลาดนัด เล่นหุ้น และก็ไม่สำเร็จหรือว่าง่ายๆคือ ไม่รวยสักที แต่ยังดีที่มีงานประจำทำด้วย
แต่ยังมีอีกหลายโปรเจคที่มันยังอยู่ในหัวผม รอเวลาที่จะทำ และเงินทุน ผมศึกษาข้อมูลการลงทุนหลายรูปแบบ เพื่อที่จะมาตอบโจทย์ของผม ด้วยข้อจำกัดต่างๆ และเวลาก็ผ่านมาหลายปี จนบัดนี้ผมเองก็ยังๆไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย ผมข้อนข้างมีความั่นใจสูงและแอบคิดเข้าข้างตัวเองหรือป่าวไม่รู้นะว่าเป็นคนที่คิดอะไรแปลกที่คนอื่นคิดไม่ได้ ผมคิดมาเสมอว่าถ้าผมมีเงินทุน ผมสามารถเอามันไปทำให้เกิดผลมาได้อีกไม่น้อยตามโปรเจคที่วางเอาไว้ แต่มันก็ติดที่ข้อนี้แหละ ผมไม่มีทุน ทำอะไรก็ติดที่เวลาที่ต้องทำงานประจำไปด้วย เพราะต้องหาเงิน มาเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน ไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่
นี่ก็เป็นประวัติคร่าวๆของผมนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น